“เขาพระวิหาร” “แหล่งพลังงาน” “ปตท.” และกลุ่มทุนอดีตนายกฯ “ทักษิณ” กลายเป็นเรื่องเดียวกันอย่างแทบไม่น่าเชื่อ... แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะ “พลังงาน” เป็นสิ่งมีค่า เป็น “ขุมทอง”
ที่ทักษิณยอมแลกได้ทุกอย่าง แม้ว่าจะทำให้ต้องสูญเสียเขาพระวิหารให้กับเขมร และอาจต้องสูญเสียดินแดนและอธิปไตย ก็เพื่อแลกกับพลังงานในอ่าวเขมร แหล่งพลังงานที่เหลืออยู่แห่งเดียวในโลก ปริศนานี้กำลังถูกเฉลยออกมาว่าทำไม ทักษิณ ถึงต้องมีเอี่ยวใน ปตท.
ว่าด้วยเรื่องเขาพระวิหารแล้ว “นภดล ปัทมะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตทนายความและโฆษกประจำตัวของ “ทักษิณ” ไปลงนามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 เพื่อยอมรับคำแถลงการณ์ร่วม ไทย – กัมพูชา สนับสนุนให้กัมพูชาจดทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก จนอาจทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน กลายเป็นข้อสงสัยว่าเพื่ออะไร เพราะก่อนลงนามเพียง 1 เดือน พล.อ.เตีย บัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชา ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยว่า “ทักษิณ” จะลงทุนธุรกิจพลังงาน เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติในกัมพูชา โดยเฉพาะการเช่าเกาะกง ซึ่งมีรีสอร์ดังอย่าง “สีหนุวิลล์” เป็นจุดขายที่สำคัญกว่านั้น ทางกัมพูชายังมีความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสำรวจและวิจัยแหล่งพลังงานทั้งทางใต้ดินดาวเทียม บริเวณพื้นที่ชายฝั่ง และเบื้องต้นว่า บริเวณทะเลสาบ หรือ “โตนเลสาบ” ใจกลางประเทศ ยังมีแนวโน้มของแหล่งน้ำมันดิบ นอกเหนือจากแถบชายฝั่งที่มีแหล่งก๊าซอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะแถบ “จังหวัดเกาะกง” ของกัมพูชา จังหวัดทะเลชายฝั่งทางตอนใต้ ซึ่งพบแหล่งน้ำมัน นั่นหมายความว่า
เกาะกง กัมพูชา เป็นแหล่งน้ำมันแหล่งใหญ่ของโลกที่ยังคงเหลืออยู่ และยังไม่ได้ถูกขุดเจาะ ย่อมเป็นที่หมายปองของนานาประเทศทั่วโลก รวมทั้งทักษิณและเครือข่ายความหอมหวนของแหล่งพลังงานในกัมพูชาจึงเป็นแหล่ง “ขุมทอง” ขนาดใหญ่ที่ “ทักษิณ” ยอมเดิมพันได้ทุกอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็น “เขาพระวิหาร”หากสังเกตุดีๆในการที่คณะกรรมการมรดกโลกได้สนับสนุนกัมพูชา เป็นเพราะทุกประเทศล้วนแต่เล็งเห็นขุมทรัพย์บ่อน้ำมันของเขมร ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส ที่มีกลุ่มโทเทิ่นออยล์ (TOTAL Oil) และจีน ที่บริษัท CNOOC บริษัทน้ำมันเข้าไปสำรวจหาก๊าซและน้ำมันดิบในกัมพูชา และการยอมรับเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชายังสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนและอธิปไตย เป็น “โดมิโน” ที่ส่งผลกระทบถึงปัญหา “พื้นที่ทับซ้อน” ระหว่างเขตแดนไทยและกัมพูชาในหลายจังหวัดนักธุรกิจระดับชาติอย่างทักษิณ ย่อมรู้ดีว่าธุรกิจพลังงานเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่ทำรายได้ให้มหาศาล หาใช่ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ซึ่งอยู่ในช่วงขาลง ไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนในอดีต หรือแม้แต่การซื้อธุรกิจสโมสรทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ก็เพื่อสร้างโปรไฟล์ให้ดูดี ไม่ใช่ธุรกิจที่ทำรายได้งดงามเหมือนกับธุรกิจพลังงาน
และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมทักษิณจึงต้องเป็นเจ้าของ ปตท. ซึ่งมีความพร้อมในเรื่องทั้งขุดเจาะ จัดจำหน่าย ดังนั้น ปตท. จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจพลังงานในเขมรเป็นจริง โดยมีเครือข่ายธุรกิจพลังงานของอัล ฟาเยด ร่วมเป็นกองหนุนปรามสารทพระวิหาร
“แหล่งน้ำมัน – ก๊าซเขมร – ทักษิณ” “ปตท.” “โมฮัมหมัด อัลฟาเยด” กลายเป็นเรื่องเดียวกันอย่างแทบไม่น่าเชื่อ... จนนำมาสู่ “คนไทยจะขายชาติกันเอง” ด้วยการวางแผนอย่างแนบเนียนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
จะเกิดอะไรขึ้น หากทักษิณสามารถนำบริษัทเข้าไปลงทุนในเขมร?
